วิธีเลือกสว่านโรตารี และการดูแลเพื่อยืดอายุการใช้งาน

สว่านโรตารี หรือที่มักเรียกกันว่า Rotary Hammer สว่านกระแทกระบบโรตารี หรือ สว่านกระแทกระบบลูกสูบ คือเครื่องมือเจาะกระแทกที่ทรงพลัง ด้วยการใช้กลไกลูกสูบอัดอากาศ เพื่อสร้างแรงกระแทกที่สูงกว่าสว่านกระแทกระบบเฟืองแบบทั่วไป เหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานเจาะคอนกรีตที่ต้องการความรวดเร็วและแรงกระแทกที่มีประสิทธิภาพ ด้วยความซับซ้อนของการออกแบบและกลไกที่ละเอียดอ่อนนี้เอง จึงทำให้สว่านโรตารีมีราคาสูงกว่าสว่านแบบธรรมดา ดังนั้น การเลือกสว่านโรตารีที่เหมาะสมกับงานที่ต้องการ และการดูแลรักษาอย่างถูกวิธีจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อช่วยให้เครื่องมือช่างของคุณใช้งานได้นานขึ้นและคุ้มค่ากับการลงทุน

เลือกเครื่องให้เหมาะสมกับประเภทของงาน 

การเลือกสว่านโรตารีที่เหมาะสมกับงานเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของเครื่องมือ โดยมีสิ่งที่ควรพิจารณา ดังนี้ 

1. แรงกระแทก (Impact Energy)

หน่วยวัดแรงกระแทกคือ “จูลส์ (Joules)” ซึ่งบ่งบอกถึงพลังในการเจาะ หากงานของคุณเป็นการเจาะคอนกรีตแข็งหรือหินหนา ควรเลือกเครื่องที่มีแรงกระแทกสูง เช่น 3-8 จูลส์ หรือมากกว่า

2. ขนาดดอกสว่านที่รองรับ

สว่านแต่ละรุ่นมีการกำหนดขนาดดอกสว่านสูงสุดที่ใช้งานได้ (Maximum Drilling Diameter) ซึ่งช่วยให้คุณเลือกเครื่องได้เหมาะสม แต่โปรดระวังว่า ขนาดดอกที่ใหญ่สุดไม่ได้เหมาะสำหรับการใช้งานระยะยาว

อย่างไรก็ตามการลดขนาดดอกที่ใช้จริงลงประมาณ 25% ของขนาดดอกใหญ่สุดที่เครื่องรองรับ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดภาระและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสว่านได้ ตัวอย่างเช่น หากเครื่องระบุขนาดดอกสูงสุดที่ 32 มม. การเลือกใช้งานที่ขนาดประมาณ 24 มม. จะช่วยให้เครื่องใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพมากกว่านั่นเอง 

3. ออกแรงให้พอเหมาะ ช่วยให้ทำงานได้ง่ายขึ้น

นอกจากการเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมแล้ว การใช้งานที่ถูกต้อง เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้สว่านโรตารีมีประสิทธิภาพสูงสุดและยืดอายุการใช้งานของเครื่องมือ ซึ่งสว่านระบบโรตารีจะมีกลไกแบบลูกสูบอัดอากาศ ซึ่งประกอบด้วยชิ้นส่วนสำคัญ คือ 

• ลูกเบี้ยว ทำหน้าที่ส่งแรงจากมอเตอร์ไปยังลูกสูบ
• ลูกสูบ เคลื่อนที่ภายในกระบอกสูบเพื่อสร้างแรงอัดอากาศ
• กระบอกสูบ เป็นช่องทางให้ลูกสูบเคลื่อนที่และเกิดแรงกระแทก

กลไกนี้ทำให้เกิดแรงกระแทกที่มีพลังสูงกว่าสว่านกระแทกระบบเฟือง แต่ต้องอาศัยพื้นที่และความสมดุลในการทำงาน 

การใช้งานสว่านโรตารี่ควรออกแรงดันให้พอดี โดยปล่อยให้กลไกภายในสร้างแรงกระแทกเอง การดันแรงเกินไปอาจลดประสิทธิภาพการกระแทกและทำให้ชิ้นส่วนภายในสึกหรอเร็วขึ้น ขณะที่การออกแรงน้อยเกินไปอาจทำให้เครื่องไม่สามารถเจาะวัสดุได้เต็มที่ ทั้งนี้ควรใช้แรงดันพอเหมาะเพื่อควบคุมเครื่อง และสังเกตเสียงผิดปกติที่อาจบ่งบอกถึงการใช้งานที่ไม่เหมาะสมเพื่อป้องกันความเสียหายต่อเครื่องมือในระยะยาว

4. อย่ามองข้ามการเลือกดอกเจาะที่เหมาะสม 

ดอกเจาะที่เหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญในการใช้งานสว่านโรตารี่ ไม่ว่าจะเป็นดอกแบบ SDS Plus หรือ SDS Max ทั้งสองชนิดออกแบบมาเพื่อให้ดอกขยับตามแนวการกระแทกจากลูกสูบด้านในได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ไม่สามารถแกว่งไปด้านข้างได้ เนื่องจากดอกจะถูกกระแทกโดยตรงจากลูกค้อนภายใน ทำให้ดอกเจาะกระแทกกับคอนกรีตและหมุนเพื่อคลายเศษปูนออกจากรูเจาะ การเลือกขนาดดอกที่เหมาะสมกับรูเจาะ เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง การใช้ดอกที่เล็กเกินไปและพยายามคว้านให้ได้ขนาดที่ต้องการอาจทำให้เขี้ยวล็อกดอกสึกหรอเร็ว ส่งผลให้ดอกแกว่งและต้องเปลี่ยนใหม่ในที่สุด

การดูแลสว่านกระแทกระบบโรตารี

การดูแลรักษาเครื่องมือช่างอย่างสว่านกระแทกโรตารีเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยยืดอายุการใช้งานและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน หนึ่งในจุดสำคัญที่หลายคนมักมองข้ามคือ การทำความสะอาดตัวเครื่องและช่องระบายอากาศ

ทำความสะอาดเครื่องและช่องระบายอากาศ

การไหลเวียนของอากาศ เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยระบายความร้อนของมอเตอร์ หากสังเกตในตัวเครื่องจะพบใบพัดติดอยู่กับทุ่นมอเตอร์ ซึ่งมีหน้าที่ลดความร้อนและสร้างการไหลเวียนของอากาศในตัวเครื่อง อย่างไรก็ตาม ด้วยการออกแบบให้รองรับงานคอนกรีต การสะสมของฝุ่นละอองจากการเจาะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

 

ดังนั้น การทำความสะอาดเครื่องเป็นประจำ โดยเฉพาะบริเวณช่องระบายอากาศ จะช่วยให้การระบายความร้อนของเครื่องมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงที่มอเตอร์จะร้อนเกินไป นอกจากช่วยเพิ่มความปลอดภัย ยังช่วยให้เครื่องมือมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นอีกด้วย

ref. https://www.milwaukeetool.in.th/news-and-article/how-to-safe-your-hammer

 

สนใจเครื่องมือช่าง Milwaukee ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่  

Facebook: Milwaukee by Sangchai Group

Line ID : @milwaukeesangchai

Online Store : https://linktr.ee/milwaukeebysangchaigroup